เมนู

วันจันทร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2562

โภชนาการ: ผลไม้

จากใจคุณครู


อย่าไปกลัวที่จะกินผลไม้ สำหรับคนที่ลดน้ำหนักหรือคุมน้ำหนัก แล้วกินได้แค่ ฝรั่ง แอปเปิ้ลไปตลอดชีวิตนั้นเป็นเรื่องที่เข้าใจผิด 

แม้ว่าผลไม้แต่ละชนิดบ้างมีน้ำตาลสูง บ้างมีน้ำตาลต่ำ แต่ไม่ใช่ว่าเราจะต้องกินแค่ผลไม้น้ำตาลต่ำไปตลอดชีวิต จะกินเพียง ฝรั่ง ตลอดชีวิต มันก็เสียชาติเกิดแย่เลย 

แท้จริงแล้วผลไม้แต่ละชนิด มีรายละเอียดของตัวมันเอง บทเรียนนี้เราจะมาเรียนรู้รายละเอียดของผลไม้แต่ละชนิดว่า ชนิดไหนกินได้ปริมาณเท่าไรบ้าง จึงไม่ทำให้อ้วนค่ะ 

ขอแค่เรารู้จักมันให้ดีพอ เราจะกินอะไรก็ได้ค่ะ 

สำหรับบทความนี้เป็นเรื่องของผลไม้ ซึ่งเป็น part  ต่อจากบทเรียนของคาร์บและโปรตีน 
สำหรับนักเรียนที่ยังไม่ได้อ่านบทเรียนเรื่อง โภชนาการคาร์บ ให้ กดที่นี่ เพื่อเข้าอ่าน 
สำหรับนักเรียนที่ยังไม่ได้อ่านบทเรียนเรื่อง โภชนาการโปรตีน ให้ กดที่นี่ เพื่เข้าอ่าน



บทนำ 

อาหารแลกเปลี่ยน ( Food Exchange) เป็นการจัดกลุ่มอาหารโดยยึดปริมาณ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน เป็นหลัก โดยที่อาหารในแต่ละหมวดจะให้พลังงานและสารอาหารหลัก ดังกล่าวในปริมาณที่ใกล้เคียงกัน จึงสามารถนำอาหารภายในหมวดเดียวกันมาแลกเปลี่ยนกันได้ ซึ่งองค์กร เกี่ยวกับด้านอาหารแห่งสหรัฐอเมริกา คือ American Dietetic Association และ American Diabetes Association เป็นผู้ที่วางแผนจัดทำเมื่อประมาณปี ค.ศ. 1950
 ฝ่ายโภชนาการโรงพยาบาลรามาธิบดี คณะกรรมการชมรมนักกำหนดอาหารและคณะกรรมการชมรมผู้ให้ความรู้โรคเบาหวาน ได้ระดมความคิดเห็น จากผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งนักกำหนดอาหาร นักโภชนาการ อาจารย์ในสถาบันศึกษาต่างๆ มาร่วมกันจัดทำ “ ตาราง คุณค่าอา หารและรายการอาหารแลกเปลี่ยนไทย ” เพื่อให้เหมาะสมกับอาหารไทย โดยใช้รายการอาหาร แลกเปลี่ยนจากต่างประเทศ และข้อมูลจากตารางคุณค่าอาหารในส่วนที่กินได้ 100 กรัม ของกอง โภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขและต่างประเทศมาดัดแปลงและได้นำมา ใช้ในการก าหนด อาหารให้แก่ผู้ป่วยและประชาชนคนไทยทั่วไป


ตารางอาหารแลกเปลี่ยนผลไม้ 


ผลไม้ 1 ส่วน ให้คาร์โบไฮเดรต 15 กรัม พลังงาน 60 แคลอรีเส้นใยประมาณ 2 กรัม 








 กรณีน้ำผลไม้ 

ผู้ที่ชอบดื่มน้ าผลไม้ ควรเป็นน้ าผลไม้ที่คั้นแล้วไม่เติมน้ าตาลและแลกเปลี่ยนกับผลไม้สด ในปริมาณ 1 ส่วน ไม่ ควรดื่มมากเกินที่กำหนด เนื่องจากร่างกายดูดซึมน้ าตาลจากน้ าผลไม้ได้เร็วกว่าน้ าตาลในผลไม้ และน้ าผลไม้มี ใยอาหารน้อยกว่าผลไม้สด ดังนี้ควรรับประทานเป็นผลไม้สดดีกว่า ปริมาณน้ าผลไม้

สำหรับผู้ที่ลดน้ำหนัก ให้รับประทานผลไม้0.5-1ส่วน 
สำหรับผู้ที่คุมน้ำหนัก สามารถทานได้ 1-1.5 ส่วน และสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มน้ำหนักให้คำนวณปริมาณจากปริมาณคาร์บที่ครูสอนไปในบทก่อนค่ะ 

หวังว่าจะมีประโยชน์
รัก
ครูแอ๋ม 

คลิปที่เกี่ยวข้องกับท้องผุก

1. วิธีแก้ท้องผุกให้หายขาด แบบไม่ใช้ยา 





2. วิธีการรวิเคราะห์อุจจาระ เพื่อแก้ท้องผูกที่สาเหตุ





contract
instragram : https://www.instagram.com/amyamps_hea... facebook :
facebook : https://www.facebook.com/ihealthytoge... blog:
blog: http://amyamps.blogspot.com/
Line : @aui4947n


บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง

โภชนาการ ผลไม้ : ผลไม้อะไร กินได้แค่ไหน 
โภชนาการ โปรตีน : อาหารแลกเปลี่ยน โปรตีน 


วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2562

ท้องผูก แต่ไม่ชอบกินผัก กินอย่างอื่นแทนได้ไหม?


สำหรับคนที่ท้องผูกเป็นประจำ เมื่อไปหาหมอ หมอจะสั่งพวก fiber ผง แบบชงๆ มาให้กินนั่นก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการเพิ่มไฟเบอร์ แต่หากท่านต้องการวิธีธรรมชาติ นอกจากผักแล้ว ยังมีอาหารอีกหลายอย่างที่มีกากใยสูงค่ะ 

วันนี้แอ๋มมาแนะนำอาหารที่กากใยสูงสำหรับการแก้ท้องผูก อย่าลืมกินให้ได้ปริมาณตามที่สอนไปในคลิปนี้นะคะ จะหายท้องผูกด้วยวิธีธรรมชาติ ต้องเลือกกินอาหารกากใยสูง และ ปริมาณต้องถึงด้วยนะคะ 


อาหารที่มีกากใยสูง ไม่ได้มีแต่ผักนะคะ 


1. กลุ่มธัญพืชต่างๆ เช่น งาดำ, flex seed, ลูกเดือย เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง  เป็นต้น 



ตัวที่แอ๋มแนะนำให้ลูกศิษย์กินเป็นอาหารทานเล่นเพื่อเพิ่มไฟเบอร์ และคุมน้ำหนักได้ด้วยคือ 

เมล็ดฟักทอง 
เป็นอีกหนึ่งธัญพืชที่มีทั้งไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำและไฟเบอร์ชนิดไม่ละลายน้ำ โดยเมล็ดฟักทอง 1 ถ้วยตวงจะประกอบด้วยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ 2.4 กรัม ส่วนไฟเบอร์ชนิดไม่ละลายน้ำมีอยู่ราว ๆ 6.4 กรัม จัดเป็นของกินเล่นอีกตัวเลือกที่คนอยากลดน้ำหนักต้องไม่พลาด เพราะนอกจากจะช่วยให้อิ่มเพลินไม่ต้องห่วงแคลอรีเกินแล้ว 

เมล็ดฟักทองยังอุดมไปด้วยไขมันชนิดดี วิตามินเอ แคลเซียม โพแทสเซียม และแมกนีเซียม ดีต่อหัวใจ การทำงานของสมอง และระบบประสาทไปในตัวอร์ชนิดละลายน้ำ 2.4 กรัม ส่วนไฟเบอร์ชนิดไม่ละลายน้ำมีอยู่ราว ๆ 6.4 กรัม  เมล็ดฟักทองยังอุดมไปด้วยไขมันชนิดดี วิตามินเอ แคลเซียม โพแทสเซียม และแมกนีเซียม ดีต่อหัวใจ การทำงานของสมอง และระบบประสาทไปในตัว


เมล็ดทานตะวัน 100 กรัมมีไฟเบอร์ 9 กรัม ทั้งยังมีวิตามินและแร่ธาตุแมกนีเซี่ยม ที่ช่วบลดความตึงเครียด และทำให้นอนหลับสนิทด้วยค่ะ 



2 กลุ่มข้าวไม่ขัดสี เช่น ข้าวไรซ์ ข้าวโอ๊ต ข้าวกล้อง ข้าวบาร์เล มัน-เผือก ต่างๆ 


อ่านรายละเอียดเรื่อง ข้าวกล่้อง ข้าวไรซ์ วิตามินและสารอาหาร จะเลือกข้าวชนิดไหนดี  กดที่นี่ 


ข้าวบาร์เล คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนอย่างข้าวบาร์เลย์ให้ไฟเบอร์ประมาณ 2.8-6 กรัม
 ขึ้นอยู่กับความชื้น การเก็บเกี่ยว และกรรมวิธีการทำอาหาร นอกจากนี้ข้าวบาร์เลย์ยังมาพร้อมโพแทสเซียม แมกนีเซียม วิตามินบี 6 และธาตุเหล็กด้วยนะคะ 


แม้มันเทศจะดูเป็นอาหารประเภทหัวที่มีแป้งเยอะ แต่คาร์โบไฮเดรตในมันเทศเป็นคาร์บเชิงซ้อนค่ะ นั่นหมายความว่าแป้งในมันเทศจะอยู่ท้องและใช้เวลาย่อยนานกว่าแป้งเชิงเดี่ยว ทำให้ระดับน้ำตาลในร่างกายเราไม่แกว่ง ไม่รู้สึกหิวจุบจิบ อีกทั้งในมันเทศยังมีไฟเบอร์ซ่อนอยู่ถึง 6 กรัมต่อมันเทศ 1 หัวใหญ่ ดังนั้นคนที่อยากแก้อาการท้องผูกมันเทศต้มก็ช่วยได้ และยังช่วยลดน้ำหนักให้คนที่กำลังไดเอตได้อีกต่างหาก


3 กลุ่มถั่วต่างๆ ถ้าต้องการย่อยง่ายให้เลือกถั่วไทย มากกว่าถั่วนอก เช่น ถั่วดำ ถั่วแดง ถั่วเขียว ถั่วงอก 


ที่แอ๋มชอบกินเล่นคือ ถั่วแระญี่ปุ่นค่ะ เดี๋ยวนี้ถั่วแระหาไม่ยากและราคาไม่แพงแล้วค่ะ 1ถ้วยตวง จะได้ไฟเบอร์ 8.1 กรัม แถมด้วยวิตามินเยอะมาก เกลือแร่ กรดอะมิโนจำเป็น ทั้งหมดจะช่วยลดความเหนื่อยล้าจากการออกกำลังกาย แล้วยังให้โปรตีนด้วยค่ะ 




4. ผลไม้

 เช่น มะละกอ กล้วย แก้วมังกร พรุน แอบเปิ้ล ฝรั่ง ผลไม้พวกนี้จะมีไฟเบอร์ค่อนข้างสูง  แต่ถ้าจะเอาให้เห็นผลจริง แนะนำเป็นลูกพรุนค่ะ 

พรุน ลูกไหน ในด้านช่วยขับถ่าย และไฟเบอร์ชนิดไม่ละลายน้ำที่เด่นในเรื่องช่วยให้อิ่มอยู่ท้องได้นานขึ้น ในปริมาณ 100 กรัม ลูกพรุนเลยให้ไฟเบอร์ได้ถึง 1.4 กรัม  ในขณะที่ให้พลังงานเพียง 46 กิโลแคลอรีเท่านั้น





5. อะโวคาโด 


สำหรับสายคีโต ที่ไม่สามารถกินผลไม้ หรือ ข้าว หรือ ถั่วได้มาก เพราะมีแป้งอยู่ค่อนข้างมาก การกินอะโวคาโด ก็เป็นทางออกหนึ่งที่ดีมากค่ะ 


 อะโวคาโด 1 ลูกจะให้ไฟเบอร์ประมาณ 9-10 กรัม นอกจากนี้อะโวคาโดยังจัดอยู่ในหมวดผลไม้โปรตีนสูง เพราะให้โปรตีนได้ราว ๆ 0.8-1.7% ต่อลูกเลยทีเดียว และอะโวคาโดยังเป็นผลไม้ที่มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่ำ น้ำตาลต่ำ แถมในเนื้อของอะโวคาโดยังมีกรดโอเลอิก (Oleic Acid) ซึ่งเป็นไขมันที่ทำให้สมองสั่งการให้เรารู้สึกอิ่มอีกด้วย





 แต่อย่างไรก็ตาม การฝึกกินผักยังเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุน้า 

หวังว่าจะมีประโยชน์และเห็นแนวทางเอาไปปรับใช้น้า


คลืปสอนเรื่องท้องผูก 2 part 
1 การวิเคราห์อุจจาระเพื่อหาสาเหตุทีีแท้จริงของโรคท้องผูกตัวเอง 




2. สาเหตุและทางแก้ท้องผูก




Contract
instragram : https://www.instagram.com/amyamps_hea... facebook : https://www.facebook.com/ihealthytoge... blog: http://amyamps.blogspot.com/ Line : @aui4947n

วันศุกร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2562

โภชนาการ สารอาหาร: คาร์โบไฮเดรต (รู้เรื่องแป้ง ep.4)

อาหารแลกเปลี่ยน ( Food Exchange) เป็นการจัดกลุ่มอาหารโดยยึดปริมาณ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน เป็นหลัก โดยที่อาหารในแต่ละหมวดจะให้พลังงานและสารอาหารหลัก ดังกล่าวในปริมาณที่ใกล้เคียงกัน จึงสามารถนำอาหารภายในหมวดเดียวกันมาแลกเปลี่ยนกันได้ ซึ่งองค์กร เกี่ยวกับด้านอาหารแห่งสหรัฐอเมริกา คือ American Dietetic Association และ American Diabetes Association เป็นผู้ที่วางแผนจัดทำเมื่อประมาณปี ค.ศ. 1950
 ฝ่ายโภชนาการโรงพยาบาลรามาธิบดี คณะกรรมการชมรมนักกำหนดอาหารและคณะกรรมการชมรมผู้ให้ความรู้โรคเบาหวาน ได้ระดมความคิดเห็น จากผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งนักกำหนดอาหาร นักโภชนาการ อาจารย์ในสถาบันศึกษาต่างๆ มาร่วมกันจัดทำ ตาราง คุณค่าอา หารและรายการอาหารแลกเปลี่ยนไทย เพื่อให้เหมาะสมกับอาหารไทย โดยใช้รายการอาหาร แลกเปลี่ยนจากต่างประเทศ และข้อมูลจากตารางคุณค่าอาหารในส่วนที่กินได้ 100 กรัม ของกอง โภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขและต่างประเทศมาดัดแปลงและได้นำมา ใช้ในการก าหนด อาหารให้แก่ผู้ป่วยและประชาชนคนไทยทั่วไป


ข้าว แป้ง ขนมปัง ธัญพืช อาหารหมวดนี้ ได้แก่ ข้าว ขนมปัง เมล็ดธัญ พืช และผลิตภัณฑ์จากธัญพืช รวมถึงผักบางชนิดที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง อาหารว่างบางชนิด และถั่วเมล็ดแห้งต่างๆ 

อาหาร 1 ส่วนให้ คาร์โบไฮเดรต 15 กรัม โปรตีน 2 กรัม ไขมัน 0-1 กรัม ให้พลังงาน 80 แคลอรี
ปริมาณอาหาร 1 ส่วนแตกต่าง กันตามชนิดของอาหาร ดังนี้


คาร์โบไฮเดรต ยังจำเป็นต่อการดำรงชีวิต เพราะ คาร์บยังคงเป็นสารอาหารหลักที่ให้พลังงานเป็นอันแรกของร่างกายในสาภวะปกติ แม้ว่าเราจะลดน้ำหนักด้วยวิธีการใดๆ ก็ตาม หรือ แม้จะทำ keto แต่เมื่อร่างกายออกจากสาภวะลดน้ำหนัก หรือ ออกจากสภาวะผิดปกติที่เราสร้างขึ้นมาเองแล้ว ร่างกายจะกลับคืนสู่ปกติ คือ การกลับไปใช้พลังงานจากคาร์บเป็นพลังงานหลักเช่นเดิม 

จึงพบได้เยอะมากว่า สำหรับคนที่ทำคีโตมา แทบไม่กินคาร์บเลย 
เมื่อออกจากคีโตแล้ว น้ำหนักกลับพุ่งสูง เกิดความอยากน้ำตาล 
อยากข้าวแป้งมากกว่าคนปกติหลายเท่า จนโยโย่น้ำหนักเท่าเดิมเมื่อเทียบกับตอนที่ยังไม่ได้ลดน้ำหนัก

คาร์บ ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นที่เราจะ้องเรียนรู้ เลือกกินมากกว่าการที่เราจะมากลัวนั่นกลัวนี่ อดแป้งไปเรื่อยๆ
 ทั้งๆที่ไม่สามารถทำได้ระยะยาวได้ ต้องกลับมาลดน้ำหนักวนไปไม่จบสิ้น 

สำหรับหลักการเลิอกcarb สามารถอ่านจากบทความอื่นได้ ตามลิงค์นี้ 

contract
instragram : https://www.instagram.com/amyamps_hea... facebook :
facebook : https://www.facebook.com/ihealthytoge... blog:
blog: http://amyamps.blogspot.com/
Line : @aui4947n


บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง

โภชนาการ ผลไม้ : ผลไม้อะไร กินได้แค่ไหน 
โภชนาการ โปรตีน : อาหารแลกเปลี่ยน โปรตีน 



วันอังคารที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2562

โดนยุงกัดเยอะ อาการแบบไหนที่ต้องรีบไปหาหมอ ก่อนสายเกินไป!!

ยุง  เป็นพาหะนำโรคหลายชนิดมาก ยิ่งประเทศไทยเป็นยุง นี่เรียกว่าสัตว์ประจำถิ่น ไม่ว่าหน้าฝน หน้าร้อน หน้าหนาว ทุกที่ก็มียุง ยิ่งโดยเฉพาะหน้าฝนแบบนี้ อัตราการตายจากโรคยุง มีเยอะมาก และยิ่งเยอะไปเรื่อยๆ ในทุกๆ ปี


สถานการณ์การเสียชีวิตยังคงทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดปี2562 เพียงเริ่มหน้าฝนมาได้ 1 เดือนก็เสียชีวิตไป เกือบ 20,000 คน แล้ว  (อ่านข่าวอัตราการเสียชีวิตประจำปี 2562 ได้ กดที่นี่ )

แน่นอน การป้องกันตัวไม่ให้ยุงมากัดเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
(อ่านเรื่องการป้องกันยุงกัด และสเปรย์ไล่ยุงจากสารกัดธรรมชาติ  กดที่นี่ )

แต่หากมันโดนกัดไปแล้ว หรือ ลืมสเปรย์ไล่ยุงเตรียมไว้ก่อนล่ะ จะทำไงดี? ในความเป็นจริงแล้ว หากเรารู้ก่อนว่า เรามีอาการอย่างไร แล้วรีบไปหาหมอก่อน เพื่อทำการรักษา เราอาจไม่เสียชีวิต อยู่ดีมีสุขก็ได้




แอ๋มเองเคยเป็นไข้เลือดออกมาก่อน ตอนนั้นแอ๋มยังไม่ได้เรียนเภสัช แต่พอมีความรู้สุขภาพอยู่บ้าง เมื่อมีอาการที่สงสัย แอ๋มจึงคะยั้นคะยอที่บ้านพาไปตรวจด่วนที่ รพ. ไม่ปล่อยให้โรคลุกลามแล้วจึงไปหาหมอ(แม้ว่าตอนนั้นพ่อแม่แอ๋มจะยังคิดว่าแอ๋มไม่ได้โดนยุงกัดเยอะอะไร เพราะอยู่บ้านช่วงปิดเทอมตลอด)  เพราะหากไปหาหมอตอนลุกลามไปแล้ว อาจรักษาไม่ทัน แอ๋มเองก็อาจเสีรยชีวิตไปตั้งแต่วันนั้นแล้วก็ได้



อาการที่น่าเป็นห่วง รีบไปหาหมอ หากโดนยุงกัด



หลังถูกยุงกัด 5-8 วัน จึงมีอาการ ให้สงสัยโรคไข้เลือดออก
หลังถูกยุงกัด 10 วัน-4 สัปดาห์ มีประวัติไปเดินป่า หรือ เที่ยวที่มีป่าเขา ให้สงสัยไข้มาเลเรีย
หลังถูกยุงกัด โดยมีประวัติสัมผัสสุกรและนก ให้สงสัยไช้สมองอักเสบ เจอี

1.มีไข้สูงเฉียบพลัน อยู่ก็ปวดเมื่อยตามร่างกาย
 ปวดมากเหมือนแบกอะไรหนักๆ ปวดทั้งตัวแบบหาสาเหตุไม่ได้ 

2 เบื่ออาหาร คลื่นไส้หนักมาก กินอะไรไม่ลง หรืออาจอาเจียนออกมาเลย 

3   มีผื่นแดงๆ ตามร่างกาย ---- ถ้าเป็นระดับนี้ อยู่บ้านไม่ได้แล้วนะคะ ต้องรีบไปนอน รพ. แล้ว เพราะ  และเสี่ยงต่ออาการแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น ช็อก ชัก บวม แน่นหน้าอก ปวดท้อง หรือมีเลือดออกในอวัยวะภายใน ตายได้ !!



โรคจากยุงที่อาจพบได้ในต่างประเทศ

1.ไข้เหลือง พื้นที่เสี่ยง คือ ทวีปแอฟริกาทางตอนใต้ของทะเลทรายซาฮารา 
และทวีปอเมริกาใต้
2.โรคไข้เวสต์ไนล์ พื้นที่เสี่ยง คือ แถบทวีปอเมริกาเหนือ
3.โรคไวรัสบีเอฟวี พื้นที่เสี่ยง คือ ทวีปออสเตรเลีย รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย

ดังนั้น ก่อนเดินทางไปยังประเทศในพื้นที่เสี่ยงดังกล่าวควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโรคและการเฝ้าระวัง หากเป็นไปได้ควรเข้ารับการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อชนิดนั้น ๆ

โรคจากยุงที่พบได้บ้างในประเทศไทย



1. โรคเท้าช้าง มีสาเหตุมาจากพยาธิตัวกลมซึ่งอาศัยอยู่ในยุงที่เป็นพาหะ พยาธิชนิดนี้จะเข้าสู่กระแสเลือดและกระตุ้นให้ต่อมน้ำเหลืองเกิดการอักเสบบวมโตจนอุดตันการไหลเวียนของระบบทางเดินน้ำเหลือง โดยเฉพาะบริเวณรักแร้และขาหนีบ ทำให้เท้าของผู้ป่วยบวมขึ้นในที่สุด หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีจะส่งผลให้มีอาการบวมเรื้อรัง และอาจรุนแรงถึงขั้นพิการได้ ผู้ป่วยโรคเท้าช้างต้องเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องเพราะเสี่ยงที่จะยังคงมีภาวะต่อมน้ำเหลืองบวมอยู่แม้หายดีแล้ว


2. โรคชิคุนกุนยา (Chikungunya Virus) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่มียุงลายบ้านและยุงลายสวนเป็นพาหะ โรคนี้ไม่อาจติดต่อจากคนสู่คนโดยตรง แต่พบว่ามีการแพร่กระจายเชื้อจากแม่ไปสู่ลูกหรือผ่านทางการให้เลือด ซึ่งพบได้น้อยมาก อาการเด่นชัดของโรค คือ มีไข้ ปวดตามข้อต่อ ข้อต่อบวม ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ และอาจมีผื่นขึ้นตามผิวหนัง ปัจจุบันโรคชิคุนกุนยาไม่มีวิธีป้องกันและรักษาโดยเฉพาะเจาะจง แพทย์จะให้การรักษาประคับประคองตามอาการของผู้ป่วย



ในการไปหาหมอ ต้องบอกอะไรบ้าง?? 


1 จะต้องบอกว่าไปโดนยุงกัดมานานแค่ไหน ไปเที่ยว หรือ สัมผัสอะไรที่ผิดปกติไหม
ข้อมูลพวกนี้ทำให้หมอวินิจฉัยและรักษาได้ถูกต้องมากขึ้น 
อย่าลืม โรคจากยุง ยิ่งเจอเร็ว ยิ่งมีโอกาสรอดสูง

2 อย่าชะล่าใจ โรคจ่ากยุง จะเด็ก ผู้ใหญ่ หรือสูงอายุ สามารถตายได้ทั้งนั้น โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ และสูงอายุ เด็ก มีโอกาสเป็นแล้วเสี่ยงตายเยอะกว่าคนที่สุขภาพแข็งแรง

3 บางโรคฉีดวัคซีนได้ บางโรครักษาไม่ได้ ต้องรักษาแบบประคับประคอง 
การไปหาหมอยิ่งเร็ว ยิ่งหายฟื้นตัวได้เร็ว 

4 การกินยาลดไข้บางชนิดยิ่งทำให้โรคไข้เลือดออกลุกลาม และเป็นอันตราย หากเช็ดตัวแล้วไข้ไม่มีวี่แววจะลง บวกกับมีประวัติน่าสงสัย ให้รีบไปหาหมอ อย่าซื้อยามั่วกินเอง

5. หากบริเวณใกล้ตัว เช่น ที่ทำงาน โรงเรียน ละแวกบ้านมีคนเป็น แสดงว่าแถวนั้นมีแหล่งเพาะพันธ์ยุงอยู่ ให้ท่านรีบหาแหล่งเพาะพันธ์ยุงในบริเวณที่ท่านทำได้  จัดการฆ่ายุงซะ ก่อนยุงจะฆ่าท่าน

6. ใช้ยากันยุงพ่นหรือทาที่ผิวหนังเมื่อต้องออกไปข้างนอก
ติดมุ้งลวด หรือกางมุ้งเพื่อป้องกันยุงกัดขณะนอนหลับ มันช่วยได้มาก

7 เลิอกใช้ผลิตภัณฑ์กันยุงที่เชื่อถือได้ อย่าเอาชีวิตไปเสี่ยงกับการใช้ของไม่ดี หรือ ของที่หมดอายุ 


ฝากเอาไว้ รู้ก่อน จะได้รักษาแก้ไขทัน
แอ๋ม
เภสัชกร 



วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2562

Review: สู้ยุงร้าย ด้วยสเปรย์ธรรมชาติ ไม่เหม็น ไม่ใช่ตะไคร้หอม กับ 12 fighters

หน้าฝนแบบนี้ นอกจากโรคหวัดแล้ว โรคที่ต้องระวังมากที่สุดก็คือ โรคจากยุง นี่แหละค่ะ
 ขนาดแแอ๋มเองที่เป็นเภสัช ก็เคยเป็นโรคไข้เลือดออก นอนโรงพยาบาลให้น้ำเกลือเป็นอาทิตย์ 

โรคที่มาจากยุง จึงเป็นเรื่องใกล้ตัวเรามาก สำหรับประเทศไทยแล้วแม้ว่าจะไม่ใชข่หน้าฝน การอยู่ใกล้แหล่งเพาะพันธ์ยุง เช่น อ่างน้ำ แจกัน หนองน้ำนิ่ง น้ำขัง ต่างๆ ก็เสี่ยงมากที่จะเป็นโรคจากยุง



โรคยุงสายพันธ์ต่างๆ ทำให้คนเสียชีวิตมากนักต่อนักแล้ว และจำนวนผู้เสียชีวิตก็ยังมากขึ้นๆ ในทุกๆ ปี ซึ่งไม่ได้มีแค่ไข้เลือดออกเท่านั้น โรคจากยุงที่ทำให้เสียชีวิตยังมีอีกหลากโรค 
เช่น ไข้สมองอักเสบ เด็งกี่ มาเลเรีย  ล้วนแล้วแต่ทำให้เสียชีวิตได้ทั้งสิ้น 


สำหรับโรคและอาการต่างๆ ที่ต้องระวังหากถูกยุงกัด แอ๋มเขียนไว้ในบทความนี้นะคะ 
กดลิงค์ได้เลยยค่ะ  


ในบทความนี้นอกจากจะใส่ทรายอาเบทที่แหล่งน้ำ หรือ ทำลายแหล่งกักขังของน้ำแล้ว  
แอ๋มจะมารีวิว สเปรย์กันยุงตัวใหม่ 12 fighters ที่แอ๋มใช้อยู่ตอนนี้
 ใช้แล้วชอบมาก อยากแนะนำให้ลองใช้กันค่ะ


 12 fighters


สิ่งที่แบรนด์เคลม

สเปรย์สมุนไพรไล่ยุง 12 Fighters ใช้แทนแผ่นแปะกันยุงหรือยาทากันยุง
ส่วนผสมจากสมุนไพร 12 ชนิด ปราศจากสารเคมีอันตราย
ไม่มีส่วนผสมของตะไคร้หอมไล่ยุง
ไม่มีส่วนผสมของ DEET
ห่างไกลโรคไข้เลือดออก ด้วยสเปรย์สมุนไพรไล่ยุง 12 Fighters ใช้แทนแผ่นแปะกันยุงหรือยาทากันยุง 

ต้องการอ่านรายละเอียดสินค้าจากแบรนด์ต่ออีก กดที่นี่ 



สเปรย์สมุนไพรไล่ยุง 12 Fighters ประกอบด้วยพืชสมุนไพร 12 ชนิด 
ได้แก่ สาบเสือ, สะเดา, ใบหนาด, มะกรูด, โหระพา, รางจืด, กานพลู, ตะไคร้บ้าน, สะระแหน่, ตำลึง, น้ำมันมะพร้าว และสารสำคัญคือ น้ำมันยูคาลิปตัสซิตริโอโดร่า


น้ำมันยูคาลิปตัสซิตริโอโดร่า มีความสามารถในการไล่ยุงได้ 
แม้ว่าในประเทศไทยจะยังไม่ได้เป็นที่รู้จักกันมากนัก   แต่มันคือสารสกัดจากธรรมชาติเพียงหนึ่งเดียว ที่ USA และประเทศในยุโรป ให้ใช้ในผลิตภัณฑ์ป้องกันยุงและแมลง 

แค่เคลมยังไม่แน่ ต้องดูผลพิสูจน์ 

ผลิตภัณฑ์นี้ได้ผลทดสอบประสิทธิภาพการกันยุง จากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข 
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข 
หมายเลขวิเคราะห์ 13-62-12211

มีผลการทดสอบแบบนี้ น่าเชื่อถือมากเลยนะ 




จากผลการทดสอบ
ป้องกันยุงลายบ้าน  > 7 ชั่วโมง (สาเหตุโรคไข้เลิอดออก)
ป้องกันยุงรำคาญ    > 7 ชั่วโมง (สาเหตุโรคไข้สมองอักเสบ เจอี)
ป้องกันยุงก้นปล่อง = 7 ชั่วโมง (สาเหตุโรคไข้มาเลเรีย) 



วิธีใช้ 


 เขย่าขวดก่อนใช้ ฉีดให้ทั่วบริเวณที่ต้องการ
 หลีกเลี่ยงบริเวณปาก, รอบดวงตา และบริเวณผิวหนังในร่มผ้า เพื่อป้องกันยุงได้นาน 6 ชั่วโมง
 (หากจำเป็นต้องใช้กับใบหน้า ควรฉีดพ่นลงบนฝ่ามือก่อนนำมาทาบนใบหน้า)
o การทายากันยุงให้เด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป ควรฉีดสเปรย์ที่เสื้อเด็ก หรือ ฉีดพ่นลงบนฝ่ามือผู้ใหญ่ แล้วค่อยๆถูที่แขนขาเด็กหรือบริเวณที่ต้องการ เว้นบริเวณฝ่ามือเด็ก
o ไม่ควรทายากันยุงบริเวณที่เป็นแผลหรือผื่น 
o ปลอดภัยสำหรับสตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร และเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป



รีวิวผลการใช้


กลิ่น : สำหรับใครที่ไม่ชอบกลิ่นตะไคร้หอม ต้องชอบตัวนี้แน่นอน กลิ่นเป็นกลิ่นยูคาลิปตัสเป็นมิตรต่อจมูกของเราเป็นอย่างมาก กลิ่นไม่ฉุนไปจนทำลายกลิ่นของน้ำหอมที่ฉีด

เนื้อสัมผัส: เป็นแบบสเปรย์น้ำละอองละเอียด เหมาะมากับทุกคน เราย่อมไม่อยากเอามือไปป้ายยากันยุงแล้วเผลอเอาเข้าปาก ป้ายตา โดยเฉพาะกับเด็กเล็ก อาจเป็นอันตรายได้หากเอาปาก เข้าตา 

ประสิทธิภาพ : แอ๋มได้ลองใช้สเปรย์ลงแขนขานอกร่มผ้า แล้วไปนั่งกินข้าวเย็นที่ร้านอาหารใกล้แหล่งน้ำจืดที่นิ่ง ยุงชุม สำหรับโต๊ะอื่นต้องรมควันยากันยุงไปกัน ส่วนโต๊ะแอ๋มสเปรย์ตัวนี้กันทุกคน 
ยุงไม่มากล้ำกลาย 55555 เริ่ดมาก 

สรุป ชอบมาก หมดแล้วเป็นตัวที่คิดว่าจะซื้อต่อแน่นอน 

รายละเอียดสินค้าและราคาสามารถกดดูเพิ่มเติมได้ที่  ลาซาด้า ได้เลยค่ะ กดที่นี่



Contract instragram : https://www.instagram.com/amyamps_hea... facebook : https://www.facebook.com/ihealthytoge... blog: http://amyamps.blogspot.com/ Line : @aui4947n