บทที่1 Listen & Honest
(ทำความเข้าใจและยอมรับสภาวะของตัวเอง)
สิ่งแรกที่สำคัญคือการยอมรับว่าคุณกำลังเผชิญกับปัญหาการกินไม่หยุด ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ผิดปกติหรือควรรู้สึกละอายใจ การเข้าใจว่าพฤติกรรมนี้เกิดขึ้นเพราะสภาวะทางจิตใจ เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล หรืออารมณ์ที่ไม่มั่นคง ช่วยให้คุณสามารถเริ่มต้นดูแลตนเองได้
1. ฝึกสติ (Mindfulness): ฝึกสติในการรับประทานอาหาร โดยให้เธอรับรู้ถึงความหิวและความอิ่มของร่างกาย รวมถึงความรู้สึกทางกายภาพและจิตใจระหว่างการกิน อาจใช้วิธีการกินอย่างมีสติ (mindful eating) โดยการเคี้ยวอาหารช้า ๆ สังเกตถึงรสชาติ กลิ่น เนื้อสัมผัส และความรู้สึกขณะรับประทาน วิธีนี้จะช่วยให้เธอเชื่อมต่อกับความต้องการของร่างกายมากขึ้น
2. เรียนรู้สัญญาณหิวและอิ่ม: ให้เธอฝึกการรับรู้สัญญาณหิว-อิ่มของร่างกายอย่างละเอียด เช่น สอนให้เธอเริ่มกินเมื่อรู้สึกหิว (hunger) และหยุดกินเมื่อรู้สึกอิ่มพอดี (satiety) การฟังสัญญาณเหล่านี้จะช่วยปรับสมดุลการรับประทานอาหารตามที่ร่างกายต้องการจริง ๆ แทนที่จะได้รับอิทธิพลจากความคิดหรือคำพูดของคนอื่น
3. การตรวจสอบอารมณ์ก่อนการกิน: นางสาว ก ควรสำรวจว่าการกินในแต่ละครั้งนั้นเป็นการตอบสนองต่อความหิวทางกาย หรือเกิดจากความเครียด ความเศร้า หรือความเบื่อ หากเป็นการกินตามอารมณ์ อาจช่วยให้เธอเรียนรู้ที่จะหาวิธีจัดการกับอารมณ์เหล่านั้นแทนการใช้การกินเป็นวิธีแก้ไข
4. การบันทึกความรู้สึกและความหิว: ให้เธอบันทึกความรู้สึกและความหิวก่อนและหลังการกินในแต่ละมื้อ การเขียนบันทึกจะช่วยให้เธอเชื่อมโยงความรู้สึกของร่างกายกับสิ่งที่เธอกำลังรับประทาน และเรียนรู้ในการรับฟังเสียงจากภายในได้ดีขึ้น
5. การลดการควบคุมอาหารอย่างเข้มงวด: ช่วยเธอลดความเข้มงวดในการควบคุมอาหาร โดยสนับสนุนให้เธอกินอาหารหลากหลายชนิดในปริมาณที่เหมาะสมตามความต้องการของร่างกาย แทนที่จะเน้นการจำกัดอาหาร การยอมให้ตัวเองกินสิ่งที่ชอบในบางครั้งโดยไม่รู้สึกผิดจะช่วยให้เธอมีความสัมพันธ์ที่ดีกับการกินมากขึ้น
6. สนับสนุนการพักผ่อนและการจัดการความเครียด: ความเครียดและความเหนื่อยล้าสามารถทำให้ร่างกายสูญเสียการรับรู้ถึงสัญญาณความหิวหรืออิ่ม การให้เธอฝึกการพักผ่อนอย่างเพียงพอและการจัดการความเครียดอย่างเหมาะสม จะช่วยให้เธอสามารถฟังเสียงจากร่างกายได้ดียิ่งขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น