กินหวานแค่ไหน ไม่ป่วย
บทเรียนนี้ เป็นบทเรียน ปูพื้นฐานโภชนาการ
ที่เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นเพื่อให้ ลูกเทรน ของแอ๋ม
ได้ค่อยค่อยเรียนรู้และปรับพื้นฐานโภชนาการก่อนที่จะเริ่มเทรนกัน❤️
ความหวานที่เราจะพูดถึงในบทนี้นั้นคือ น้ำตาล
ซึ่งหมายรวมถึงน้ำตาลที่ซึ่งหมายรวมถึงน้ำตาลที่พบอยู่ในอาหาร ทั่วไป รวมถึงน้ำตาลรวมถึงน้ำตาลที่มีการใส่เพิ่มเติมลงไปในอาหารด้วย
น้ำตาลจัดอยู่ในหมวดของคาร์โบไฮเดรต
ซึ่งที่จริงแล้วข้าว แป้ง ขนมปัง
เมื่อผ่านการย่อยทั้งหมดก็จะกลายไปเป็นน้ำตาล
คาร์โบไฮเดรตแต่ละชนิดนั้นจะแปลงสภาพกลายเป็นน้ำตาลได้คาร์โบไฮเดรตแต่ละชนิดนั้นจะแปลงสภาพกลายเป็นน้ำตาลได้ในเวลาที่แตกต่างกัน
ปล. ถึงลูกเทรน
ปริมาณน้ำตาล ที่ควรกินต่อวันคือปริมาณน้ำตาลที่น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หรือหากจะกินให้มากหน่อยแต่ยังไม่ก่อให้เกิดโรคหรือยังไม่ป่วยก็คือ จะต้องกินน้ำตาลให้จะต้องกินน้ำตาลให้ต่ำกว่าวันละ 24 กรัม
(หรือประมาณ6ช้อนชา)
พิจารณาจากภาพด้านล่างจะเห็นว่า ในผลไม้หรือในขนมหรือแม้กระทั่งน้ำชง ที่ไม่ได้หวานมากก็มีปริมาณน้ำตาลอยู่ไม่น้อย
ทั้งนี้อย่าลืมน้ำตาลที่ปนอยู่ในอาหาร ที่เราซื้อสำเร็จ
และอย่าลืมอ่านค่าน้ำตาลที่อยู่ในฉลากโภชนาการด้วย
1. ในหนึ่งวันควรกินน้ำตาลต่ำกว่า 24 กรัม (6 ชช)
2. น้ำตาลหนึ่งช้อนชา = 4 กรัม
3. น้ำตาลหนึ่งช้อนโต๊ะ = 15 กรัม
4. น้ำตาลมาจากอาหารหลายแรงโดยเฉพาะหมู่คาร์โบไฮเดรต
5. ในเครื่องดื่มเองก็มีน้ำตาลผสม แม้ว่าจะไม่มีรสชาติหวาน เช่น เครื่องดื่มชง นมวัว โยเกิรต
6. เราไม่สามารถใช้ลิ้น มาเป็นตัวตัดได้ว่า ของที่ไม่หวานจะเป็นของไม่มีน้ำตาล หรือ ของที่ดูหวานมากจะน้ำตาลของที่ดูหวานมากจะน้ำตาลมากกว่าของที่ดูหวานน้อย
เราจะต้องใช้ฉลากโภชนาการมาเป็นตัวตัดจึงจะรู้ว่าน้ำตาลเราจะต้องใช้ฉลากโภชนาการมาเป็นตัวตัดจึงจะรู้ว่าน้ำตาลที่มีอยู่ในของสิ่งนั้นคือปริมาณเท่าไหร่
7. ขนมคลีนใช่ว่าจะไม่มีน้ำตาล
8. ผลไม้เองก็มีน้ำตาล
9. หากต้องการจะลดน้ำหนัก น้ำตาลไม่ใช่ของที่กินไม่ได้ แต่จะต้องกินแบบจำกัดปริมาณ มากกว่า
ครูแอ๋ม