วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

เหงื่อไม่ค่อยออก คือ ไม่ค่อย BURN รึเปล่า ?



เหงื่อ คือ น้ำในร่างกาย ทำหน้าที่ระบายความร้อนในร่างกายไม่ให้ร้อนเกินไป เมื่อเรามีการออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมใด ๆ อุณภูมิในร่างกายจะสูงขึ้น  ซึ่งแม้ว่าไม่ออกกำลังกาย เหงื่อก็ออกได้ ถ้าร้อน  
ร่างกายก็จะเกิดกระบวนการระบายความร้อนออกมาทางรูขุมขนตามร่างกาย
การเบิร์น คือ การเผาผลาญสารอาหาร ต่าง ๆ ในร่างกายโดยมีลำดับในการดึงพลังงานต่าง ๆ ออกมาใช้ดังนี้ คาร์บฯ > ไขมัน > กล้ามเนื้อ เมื่อเริ่มออกกำลังกายร่างกายจะเริ่มดึงพลังงานจากคาร์บออกมาใช้ก่อน จากนั้นถึงจะดึงแปลงไขมันให้เป็นพลังงานออกมาใช้ในขั้นตอนต่อไป
คนที่เหงื่อออกง่่าย ไม่ได้หมายความว่าจะเบิรนมากกว่าคนที่เหงื่อออกยาก
คนที่เหงื่อออกเยอะมาก ควรกินน้ำเพื่อรักษาระดับสมดุลน้ำ ในร่างกายมากกว่าคนที่เหงื่อออกน้อยด้วยซ้ำค่ะ
สรุป เหงื่อไม่ค่อยออก คือ ไม่ค่อย BURN รึเปล่า ? ------ ตอบ ไม่เกี่ยวกันเลยค่ะ

วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

weight หรือ cardio ออกอะไรก่อนดี?


จริงๆ แนะนำ ว่าสำหรับมือใหม่ การออกเวทแยกคนละวันกับ cardio จะดีกว่า 
เนื่องจาก จะทำให้เราโฟกัสท่าเวทได้แม่นกว่าการออกพร้อมๆ กัน แบบรีบๆ ทำ รีบๆเสร็จ

ซึ่งหาก โฟกัสผิด จะทำให้เกิดการบาดเจ็บ หรือ ส่วนที่ต้องการให้กระชับดันไม่กระชับ ส่วนที่ไม่ได้ต้องการให้ใหญ่ขึ้นดันใหญ่ขึ้น เช่น พวกท่าสควอช จริงๆ เป็นท่าที่ออกส่วนหน้าขา แต่ถ้าโฟกัสผิด วางท่าผิดก็จะกลายเป็นเจ็บเข่าไปแต่ หากจำเป็นต้องกออกวันเดียวกันจริง ๆ
แนะนำ ว่าให้แยกมันให้ห่างๆ กัน เช่น ออกเวทเช้า คาร์ดิโอเย็น แบบนี้ไม่มีปัญหาแต่หากจำเป็นจริงๆ ต้องออกพร้อมกันๆ แนะนำ ให้ออกเวทก่อนคาร์ดิโอทีหลัง
เนื่องจาก เพราะการคาร์ดิโอมักจะทำให้ร่างกายอ่อนล้า หอบเหนื่อย เนื่องจากเป็นกิจกรรมที่ไม่ได้เปลี่ยนท่า เป็นระยะเวลานานๆ เช่น วิ่ง หรือปั่นจักรยาน ซึ่งจะทำให้กล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว เช่น ขา แขน อ่อนแรงลง ไม่มีแรงเพื่อยกเวทในน้ำหนักที่ถึงค่ะ 


cardio vs weight ออกวันเดียวกัน หรือ แยกวันดีกว่ากัน


เอาจริงๆ แล้วงานวิจัย European Journal of Applied Physiology บอกแก่เราว่าในการออกกำลังกายระยะยาว ไม่ว่าคุณจะเล่นเวทหรือคาร์ดิโอก่อนหลังก็ไม่ได้มีความแตกต่างเป็นนัยสำคัญ  คุณจะเล่นอะไรก่อนหลัง หรือ จะแยกวันหรือ รวมวันก็ไม่ได้มีงานวิจัยที่ชัดเจน

แต่สำหรับมุมมองของแอ๋ม ถ้าลูกเทรนจำเป็นต้องออกเวทพร้อมกับคาร์ดิโอ ในเวลาติดๆกัน แอ๋มจะแนะนำให้เวทก่อนที่จะต่อด้วยคาร์ดิโอ เพราะ การเล่นคาร์ดิโอจะทำให้ร่างกายอ่อนล้าจากการทำกิจกรรมเป็นเวลานาน อย่างวิ่งหรือปั่นจักรยาน กล้ามเนื้อจะไม่มีแรงไปยกเวทต่อแน่นอน 

 แต่จุดเด่นของการเล่นเวทก่อนคาร์ดิโอคือดีสำหรับคนที่ต้องการเผาผลาญไขมันและสร้างกล้ามเนื้อ ซึ่งพูดง่ายๆ ก็ดี สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักนั่นแหละ 

แต่ก็มีผู้เชี่ยวชาญบางท่านแนะนำให้เล่นเวทกับคาร์ดิโอคนละวันกัน ซึ่งจะทำให้เราโฟกัสกับกิจกรรม ฝึกแบบ intensive และเบริ์นไขมันได้อย่างเต็มที่

เวลาแอ๋มออกแบบตารางออกกำลังกายให้ลูกเทรน จึงจะถามลูกเทรนเสมอค่ะ ว่าวางแผนจะออกกำลังกายกี่วัน แล้วมาช่วยลูกเทรนวางแผนว่า ที่วางไว้คือ คาร์ดิโอกี่นาทีต่อสัปดาห์ และ เวทกี่โปรแกรม 
แล้วดูว่า ลูกเทรนท่านนั้นโฟกัสท่าเวทได้คล่องหรือยัง หากยังจะแนะนำให้แยกวันออกกับคารดิโอค่ะ 




วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2563

อาหาร กับ โรคเบาหวาน

concept 


1 ผู้เป็นเบาหวานควรเลือกรับประทานอาหารหลากหลายชนิด เพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วนที่ร่างกายต้องการ ปรับสัดส่วนอาหารให้เหมาะสม
2. เลือกรับประทานอาหารที่มีความหวานต่ำ โดยจะต้องพิจารณาจากการอ่านฉลากโภชนาการ  

โดยอาหารสามารถแยกกลุ่มต่างๆ ดังนี้




กลุ่มที่ 1 ข้าว แป้งต่างๆ อาหารจำพวกเส้น ขนมปัง เผือกมัน ถั่วเมล็ดแห้ง 
ผู้เป็นเบาหวานรับประทานอาหารในกลุ่มนี้ได้เช่นเดียวกับคนปกติ แต่ต้องกำหนดสัดส่วนให้เหมาะสม ไม่จำเป็นต้องงดหรือจำกัดมากเกินไป เพราะเป็นแหล่งพลังงานสำคัญของร่างกายในการทำกิจกรรมต่างๆ 
   - โดยปริมาณที่แนะนำ ขึ้นกับค่า bmr tdee ทั้งนี้ แนะนำให้รับประทาน 1-3 ส่วนของคารโบไฮเดรต (อ่านโภชนาการคารโบไฮเดรตได้ ที่นี่
- พยายามเลือกรับประทานแหล่งอาหารที่มีใยอาหารสูง เช่น ข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้อง หรือข้าวขัดสีน้อยอื่นๆ หรือ กลุ่ม มันเผิอกธัญพืช พยายามหลีกเลี่ยงการกินเส้น ข้าวเหนียว หรือ เบเกอร์รี่ ขนมปัง

กลุ่มที่ 2 ผักชนิดต่างๆ
อาหารกลุ่มนี้ มีวิตามิน เกลือแร่ และใยอาหารมาก ผู้ป่วยเบาหวานควรรับประทานผักวันละ 4-6 ทัพพีทั้งผักสดและผักสุก โดยเฉพาะผักใบเขียว เช่น ผักกาด คะน้า กวางตุ้ง บวบ ตำลึง ต้นหอม ลดการรับประทานผักที่เป็นหัวใต้ดินหรือมีแป้งสะสมเยอะ เช่นหัวแครอท หัวผักกาดข้าว 



กลุ่มที่ 3 ผลไม้
  ผลไม้ทุกชนิดมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ ถึงแม้จะมีใยอาหาร แต่หากรับประทานมากกว่าปริมาณที่กำหนด จะทำให้น้ำตาลในเลือดสูงได้ 
ผู้เป็นเบาหวานควรเลือกรับประทานผลไม้ 1-2 ส่วนของผลไม้ (อ่านโภชนาการผลไม้ ที่นี่ )  
ควรหลีกเลี่ยงผลไม้รสหวานจัด เช่น ทุเรียน ขนุน น้อยหน่า ละมุด หรือผลไม้ตากแห้ง ผลไม้กวน ผลไม้เชื่อม ผลไม้แช่อิ่ม ผลไม้กระป๋อง
** การรับประทานผลไม้ครั้งละมากๆ แม้จะเป็นผลไม้ที่ไม่หวาน ก็ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงได้



กลุ่มที่ 4 เนื้อสัตว์ (ไม่ติดมัน)
อาหารกลุ่มนี้ให้โปรตีนเป็นหลัก ผู้เป็นเบาหวานควรได้รับทุกมื้อ มื้อละ 2-4 ช้อนกินข้าวพูนน้อยๆ และควรเลือกเนื้อสัตว์ชนิดไม่ติดมันและหนัง รับประทานปลาและเต้าหู้ให้บ่อยขึ้น 
กลุ่มเนื้อสัตว์ไขมันต่ำ ให้อ่านจากตารางที่ 1-2  จากบทความเรื่องโภชนาการโปรตีน กด ที่นี่ 



กลุ่มที่ ไขมัน
 ผู้เป็นเบาหวานควรเลือกใช้น้ำมันพืช เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วลิสง น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะกอกแทนน้ำมันหมูในการประกอบอาหารทั่วไป 
นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารทอด อาหารที่มีกะทิ อาหารที่มีไขมันทรานส์ (ไขมันทรานส์เป็นไขมันที่ผ่านกระบวนการไฮโดรจีเนชั่น เพื่อให้ทนความร้อนได้สูง เก็บได้นานโดยไม่เหม็นหืน รสชาติใกล้เคียงไขมันจากสัตว์แต่ราคาถูกกว่า พบได้ในเนยขาว ครีมเทียม น้ำมันที่ทอดซ้ำ เนยเทียม (มาการีน) หรืออาหารที่มีเป็นส่วนประกอบ เช่น เบเกอร์รี่ ขนมขบเคี้ยว   โดนัท ฟาสต์ฟู้ด มีผลทำให้เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด)

กลุ่มที่ 6 น้ำนม (วัว) 
                                                                                                                                                          ผู้เป็นเบาหวานควรเลือกดื่มนมพร่องมันเนย นมขาดมันเนย หรือโยเกิร์ตรสธรรมชาติ หลีกเลี่ยงนมรสหวาน นมเปรี้ยว โยเกิร์ตพร้อมดื่ม เพราะนมเหล่านี้มีการเติมน้ำตาลในปริมาณที่สูง  ส่วนนมถั่วเหลืองถือว่าเป็นนมที่เป็นโปรตีนสูงใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์ อีกทั้งมีไขมันไม่อิ่มตัวมากกว่านมวัว ช่วยลดไขมันคลอเลสเตอรอล แต่มีข้อเสียคือปริมาณแคลเซียมน้อยกว่านมวัว (ทั้งนมวัวและนมถั่วเหลืองต้องสังเกตปริมาณน้ำตาลที่ระบุบนฉลากโภชนาการทุกครั้งก่อนบริโภค)
   



เบาหวาน กับค่าดัชนีน้ำตาลในอาหาร (Glycemic index or GI)
    อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตแต่ละชนิดจะถูกย่อยและถูกดูดซึมเข้าร่างกายในอัตราที่แตกต่างกัน ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นต่างกันอาหารที่มี GI สูงจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดขึ้นสูงเร็วกว่าอาหารที่มี GI ต่ำ ส่วนอาหารที่มี GI ต่ำจะถูกย่อยช้าๆ จึงทำให้น้ำตาลกลูโคสถูกปล่อยเข้าไปในกระแสเลือดอย่างช้าๆ ระดับน้ำตาลในเลือดก็จะขึ้นช้าด้วย
อาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ  ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท ผักใบต่างๆ ฝรั่ง ชมพู่ แอปเปิ้ล แก้วมังกร วุ้นเส้น นมจืด ถั่วและธัญพืชต่างๆ
อาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูง  เช่น ข้าวขัดสี ข้าวเหนียว ขนมปัง (ขาว) ฟักทอง  แตงโม อินทผาลัม มันฝรั่งบด ไอศกรีม น้ำอัดลม โดนัท เครื่องดื่มชูกำลัง น้ำผลไม้
หลักสำคัญ คือ การรับประทานอาหารให้ตรงเวลา รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่และหลากหลาย จำกัดน้ำตาลและของหวาน ลดอาหารที่มีไขมันสูง รับประทานผักให้มาก รับประทานผลไม้ตามสัดส่วน และหมั่นดูแลน้ำหนักตัว


วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2563

อาหารแก้ท้องผูก


อาหารนักเรียนครูแอ๋ม เคสแก้ ท้องผูกเรื้อรัง ติด ยาระบาย .
.
เคสนี้น้องมาด้วยอาการท้องผูกเรื้อรังมาหลายปี กินยาระบายมาตลอด จากเดิมกิน1 ตัว ก็กลายมากินหลายตัวกว่าจะถ่าย ต้องเพิ่มปริมาณยาถ่าย เหมือน ลำไส้บีบตัวเองไม่ได้ถ้าไม่มียากระตุ้น .
.
วิธีรักษาเคส ท้องผูก แบบนี้ ต้องเริ่มต้นด้วยปรับโภชนาการ ใหม่ .
1. ยาระบาย ให้ ค่อยๆ ลดปริมาณลง —> ห้ามหยุดกระทันหันเองโดยไม่ได้รับการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญ .
2. กินอาหารย่อยง่าย เช่น ปลา ไข่ กุ้ง ปู ลดเนื้อสัตว์ติดมัน .
3. กินไฟเบอร์35-45 ก/ วัน ปรับการกินไฟเบอร์ตอนเช้าให้มากที่สุด หากทำไม่ได้ กินไฟเบอร์ตอนเย็น ให้เลือกแบบสุกๆ หรือ ทำให้เละ นิ่ม ให้ย่อยง่าย ดีกว่ากินผักดิบ .
4. พยายามไม่ทานผลไม้ที่มีแก๊ซมาก เช่น ทุเรียน ลิ้นจี่ และ ไม่กินอาหารที่มีแก๊ซมาก เช่น ถั่ว น้ำอัดลม กาแฟ ชา .
.
Case นี้ต้องการลด นน. ด้วย อาหารเลยเน้นไปที่การลีนfat แต่หากไม่ต้องการลด นน. ไม่จำเป็นต้องกินอาหารพวก lowfat ทุกมื้อก็ได้ค่ะ

ดูคลิปวิธีแก้ท้องผูกด้วยอาหาร กด 

.

สูตรอาหารสุขภาพ: มันต้มขิง







                                                                     ส่วนผสมและสัดส่วน
มันเทศ3หัว
ขิงแก่1แง่ง
น้ำตาลดอกมพร้าว 1/3 ทัพพี
น้ำเปล่่า1/2ลิตร 
วิธีปรุง
1ปอกเปลือกมัน โดนใช้มีดปอกผลไม้แล้วหั่นเป็นชิ้น พอดีคำ แล้วแช่น้ำเกลือ 
2 ปอกขิง โดยใช้ ช้อนขูดเปลือกออกแล้วทุบพอแตก ใส่น้ำลงหม้อ ตั้งเตาแก๊สนำมันไปล้างน้ำ แล้วใส่ลงหม้อรอจนเดือด ใส่ขิงทุบลงไป 
3 เดือดอีกรอบ ปรุงรสด้วยน้ำตาลชิมรสตามชอบ ปิดแก๊สลง เสร็จแล้วกินได้จ้า
เคล็ดลับน่ารู้
เคล็ดลับ: เพื่อไม่ให้เสียเนื้อของมันเยอะ แช่น้ำเกลือเพื่อไม่ให้มันดำค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2563

สูตรอาหารสุขภาพ : บวชเผือก


บวชเผือก

ส่วนผสมและสัดส่วน
1. เผือกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ 2 ถ้วย
2. หัวกะทิ 1/2  ถ้วย
3. นมสด หรือ นมอัลมอนด์ ตามชอบ 1 ถ้วย
4. น้ำตาลดอกมะพร้าว 1/3  ถ้วย
5. เกลือป่น เล็กน้อย
6. ใบเตย 5 ใบ
วิธีปรุง
1. เผือกปลอกเปลือกออก หั่นเป็นชิ้นเล็กๆไว้ ถ้ามีน้ำปูนใส นำไปแช่น้ำปูนใส แล้วล้างน้ำเปล่าสักหนึ่งครั้ง สะเด็ดน้ำไว้ (ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไรค่ะ)
2. เทนมและกะทิครึ่งหนึ่งที่เตรียมาไว้ ลงในหม้อ ใส่น้ำตาลและเกลือลงไป คนให้ละลาย ชิมรสเอานะคะ ว่าชอบหวานแค่ไหน
3. ใส่เผือกลงไปต้ม พร้อมกับใส่ใบเตยลงไปด้วย พอเผือกสุกช้อนใบเตยขึ้นมาแล้วเติมหัวกะทิที่เหลือลงไป รอจนเดือดอีกครั้งเป็นอันใช้ได้ค่ะ
เคล็ดลับน่ารู้
สามารถทำน้ำกะทิราดหน้าด้วยเพิ่มรสออกเค็มนิดๆ โดยการใช้หัวกะทิตั้งไฟ ใส่เกลือลงไปเล็กน้อย
การแช่น้ำปูนใสจะช่วยให้เผือกไม่เละง่ายเวลาเอามาต้ม

วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

การลดน้ำหนัก และ Cheat Meal

การ #cheatmeal ไม่ใชการตบะแตก หรือเป็นสิ่งที่ต้องกลัว หลายคนไม่กล้า #cheat เพราะกลัวว่าที่อุตส่าห์ลดน้ำหนกลงมาได้นั้นมันจะสูญเปล่า ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจผิด 



การ #ลดน้ำหนัก จำเป็นต้อ cheat เพราะ
1. ลดภาระความเครียดของร่างกายและจิตใจ เรื่องนี้สำคัญมาก หากมีความเครียดมากร่างกายจะหลั่ง cortisol hormone ออกมา ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้น้ำหนักไม่ลง กล้ามไม่ขึ้น

2 เป็นการเข้าสังคม เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่ไปกินสังสรรค์กับคนอื่นหรือครอบครัวบ้าง การลดนำหนักเป็นสิ่งที่ต้องทำเป็นเดือน อย่าให้การลดน้ำหนักทำให้ชีวิตส่วนตัวเราเสียไป

3 เป็นการทำให้เราสามารถลดน้ำหนักไปได้นานขึ้น ลดภาวะเบื่ออาหาร

สำหรับ #นักเรียนครูแอ๋ม แอ๋มจะให้cheat ได้จำนวนไม่เท่ากันค่ะ แต่ทุกคนต้อง #cheating การcheat ไม่ได้ทำให้น้ำหนักขึ้นค่ะ หากน้ำหนักที่เราเอาลงไม่ใช่น้ำหนักของน้ำแล้ว แม้cheat จะทำให้นน ขึ้นมาแต่ก็จะกลับไปเท่าเดิมก่อน cheat ได้ไม่เกิน 3 วันค่ะ .....

#เภสัชขอบอก

บทความน่าอ่าน

เภสัชขอบอก EP.3 : Foodvolume จัดสัดส่วนอาหารให้เป๊ะ แบบไม่ต้องคำนวณ

เภสัชขอบอก EP.3 :จัดสัดส่วนอาหารให้เป๊ะ แบบไม่ต้องคำนวณ ถ้าคิดจะลดน้ำหนัก เริ่มต้นยังไม่ต้องไปนึกถึง อะไรยากๆ เช่น กินคลีน ออกกำลังก...

บทความที่ได้รับความนิยม